วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ขนมวง (ข้าวมุนข่วย)

ขนมวง คือขนมที่ทำด้วยแป้งเป็นรูปวงกลมแบบเดียวกับขนมโดนัท มีน้ำอ้อยหยอดไปโดยรอบตามกึ่งกลางด้านบน ปัจจุบัน ไม่คอยมีขายในท้องตลาดในเมือง แต่มักจะพบในตลาดแถวชานเมือง (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, หน้า 824)

ส่วนผสม

1.แป้งข้าวเหนียว1กิโลกรัม
2.กล้วยน้ำว้าสุก5ลูก
3.ไข่ไก่3ฟอง
4.น้ำอ้อยป่น1ถ้วย

วิธีการทำ

1. ผสมแป้งข้าวเหนียวและกล้วยน้ำว้าสุก นวดให้เข้ากัน
2. ใส่ไข่ไก่ นวดให้เข้ากัน
3. เติมน้ำทีละน้อย นวดไปเรื่อย ๆ
4. นวดจนส่วนผสมเข้ากัน และติดกันเป็นก้อน
5. หยิบแป้งมาคลึงให้เป็นเส้นยาว แล้วนำปลายมาชนกันเป็นวงกลม
6. ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำแป้งที่เตรียมไว้ลงทอด
7. พอขนมเหลืองทั่ว ตักขึ้นใส่ตะแกรงพักไว้
8. เคี่ยวน้ำอ้อยจนเหนียวได้ที่ หยอดลงบนหน้าขนมวง

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

ก่อนนำขนมลงทอด ให้ใส่ใบเตยลงไปทอดก่อนแล้วตักขึ้น เพื่อให้น้ำมันมีกลิ่นหอม

ผักจอ


วิธีทำ
1. นำผักมาเด็ดขนาดพอดีคำ
2. ตั้งน้ำและกระดูกหมู เมื่อเดือดใส่น้ำมะขามเปียกประมาณ 3 – 4 ช้อนโต๊ะหรือตามชอบ
3. ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน คือถั่วฝักยาวและมะเขือม่วง ตั้งไฟประมาณ นาทีหรือจนผักเปลี่ยนสีออกเหลือง 
4. ใส่มะเขือเทศและตามด้วยผักที่เหลือลงไป ตั้งไฟต่อไปเรื่อย ๆ จนผักสีออกเหลือง
5. ปรุงรสด้วยเกลือตามชอบ 
6. นำพริกขี้หนูกับกระเทียมใส่ถ้วยเล็ก ๆ ตักน้ำแกงใส่เล็กน้อย ใช้เป็นน้ำจิ้ม
ผักจอลอแลจะรับประทานกับน้ำจิ้มซึ่งจะเพิ่มความจัดจ้านให้อาหารมากขึ้น ส่วนรสชาติที่เปรี้ยวนำของน้ำมะขามและบรรดาผักต่าง ๆ ทำให้ไม่เลี่ยน นอกจากน้ำมะขามแล้ว ยังสามารถใช้น้ำหน่อไม้ดองหรือน้ำผักกาดดองอย่างใดอย่างหนึ่งแทนก็ได้ ซึ่งรสชาติและสีสันก็จะออกมาแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยแต่รับรองว่าอร่อยไม่แพ้กัน

ส่วนประกอบ
ผักบุ้ง1      กำ             มะเขือเทศ   3      ลูก   
ผลกระเจี๊ยบ 5-6    ผล
ถั่วฝักยาว    1      กำ
ผักกูด1      กำ
มะเขือม่วง   5-6    ผล
ผักหนาม     1      กำ
กระเทียมสับ1/2    ถ้วย
พริกขี้หนูสับ1/2    ถ้วย
กระดูกหมู    2      ชิ้น
น้ำมะขามเปียก      1/2    ถ้วย
เกลือ

ข่างปอง


ข่างปอง (มะละกอ, หัวปลี ,กะหล่ำปลี) นิยมรับประทานเป็นอาหารว่างของชาวไทยใหญ่ เครื่องปรุง ประกอบด้วย มะละกอดิบ หรือหัวปลี หรือ กะหล่ำปลี กะปิ พริก กระเทียม หอมแดง ถั่วเน่า ตะไคร้ แป้งข้าวเจ้า และแป้งข้าวเหนียว อย่างละครึ่งส่วน เกลือ ชูรส นิดหน่อย วิธีปรุง โขลกเครื่องปรุง ทั้งหมด ให้ละเอียด มะละกอ หั่นเป็นชิ้นบาง ยาว ๒-๓ นิ้ว ล้างน้ำให้สะอาด นำเครื่องปรุงที่โขลก ลงคลุกกับมะละกอที่เตรียมไว้ ให้เข้ากัน นำแป้งทั้ง สองชนิด ลงคลุกเคล้า ปรุงรส เติมน้ำนิดหน่อย คลุกเคล้าให้เข้ากัน ส่วนผสมไม่เหลว ให้เหนียวพอดี ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ตั้งให้ร้อน นำส่วนผสมที่ได้ ลงทอด ให้เหลืองกรอบ

น้ำพริกอ่อง


เครื่องปรุงน้ำพริกอ่อง

  • หมูสับละเอียด 1 ขีด
  • พริกแห้งเม็ดใหญ่ตัดท่อนคั่วพอหอม 10 เม็ด (หากกลัวเผ็ดก็ลดลงได้ไม่ว่ากันค่ะ)
  • หอมแดงซอย 10 หัว
  • กระเทียมสับ 10 กลีบ
  • กะปิ 2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
  • มะเขือเทศลูกเล็กซอย 1 ถ้วยตวง
  • น้ำมันพืชสำหรับผัด
  • น้ำซุป (น้ำต้มกระดูกหมู)

วิธีทำน้ำพริกอ่อง

  1. เตรียมเครื่องผัดโดยการนำพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ ลงโขลกในครกให้ละเอียด หรือคุณแม่บ้านสมัยใหม่ใช้เครื่องปั่นก็ไม่ว่ากันค่ะ
  2. ตั้งกระทะไฟกลางใส่น้ำมันลงผัดพอร้อนใส่เครื่องที่เราโขลกเตรียมไว้ลงผัด เติมหมูสับ มะเขือเทศซอย น้ำซุป ผัดให้ง่วนพอเป็นน้ำขลุกขลิก ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามชอบ
จัดเสิร์ฟน้ำพริกอ่องใส่ชามน่ารักพร้อมเครื่องเคียงผักสด แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาวรับประทานคู่กัน อย่าลืมเคียงคู่ข้างจานด้วยไข่ต้มยางมะตูม กับข้าวสวยร้อนๆ แค่นี้ก็อิ่มสบายท้องกับเมนูน้ำพริกอ่องของครอบครัวอีกหนึ่งเมนู สาวๆ ที่รักษาสุขภาพดูแลรูปร่างอย่าลืมทำเมนูนี้ไว้ติดบ้านนะคะ

ฮังเล



ส่วนผสม

1.เนื้อสันคอหมู300กรัม
2.เนื้อหมูสามชั้น200กรัม
3.น้ำอ้อยป่น2ช้อนโต๊ะ
4.น้ำมะขามเปียก3ช้อนโต๊ะ
5.ขิงซอย1/2ถ้วย
6.กระเทียม1/2ถ้วย
7.ถั่วลิสงคั่ว2ช้อนโต๊ะ
8.สับปะรด2ช้อนโต๊ะ
9.ผงฮังเล2ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

1.พริกแห้ง7เม็ด
2.พริกขี้หนูแห้ง4เม็ด
3.หอมแดง3หัว
4.กระเทียม20กลีบ
5.ตะไคร้ซอย2ช้อนโต๊ะ
6.ข่าซอย1ช้อนโต๊ะ
7.เกลือ1ช้อนชา
8.กะปิหยาบ1/2ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ

1. หั่นเนื้อหมูสันคอและหมูสามชั้นเป็นชิ้น ขนาด 1.5 x 1.5 นิ้ว
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. ผสมเครื่องแกง ผงฮังเล สับปะรด และเนื้อหมู คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
4. นำหมูที่หมักไว้มาตั้งไฟ ใส่น้ำเล็กน้อย ผัดจนกว่าหมูตึงตัว เคี่ยวต่อ คอยเติมน้ำเรื่อยๆ จนหมูนิ่มได้ที่
5. ใส่น้ำอ้อยป่น น้ำมะขามเปียก ใส่กระเทียม และขิงซอย คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อ
6. ใส่ถั่วลิสงคั่ว พอเดือดสักพัก ปิดไฟ

ข้าวกันจิ้น (เนื้อส้มอุ่น)



ส่วนผสม

1.ข้าวสารเจ้า1ลิตร
2.เนื้อหมูบด200กรัม
3.เลือดหมู1ถ้วย
4.น้ำตาลทราย3ช้อนโต๊ะ
5.เกลือ1ช้อนชา
6.กระเทียม30กลีบ
7.น้ำมันพืช1ถ้วย

เครื่องเคียง

1.พริกขี้หนูแห้งทอด
2.หอมหัวใหญ่
3.แตงกวา
4.กระเทียมเจียว

ส่วนผสม

1.ข้าวสารเจ้า1ลิตร
2.เนื้อหมูบด200กรัม
3.เลือดหมู1ถ้วย
4.น้ำตาลทราย3ช้อนโต๊ะ
5.เกลือ1ช้อนชา
6.กระเทียม30กลีบ
7.น้ำมันพืช1ถ้วย

เครื่องเคียง

1.พริกขี้หนูแห้งทอด
2.หอมหัวใหญ่
3.แตงกวา
4.กระเทียมเจียว

วิธีการทำการทำ

1. คั้นเลือดกับใบตะไคร้ เพื่อดับคาวเลือด พักไว้
2. หุงข้าว สุกแล้วตักข้าวผึ่งไว้พออุ่น ใส่เกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมันกระเทียมเจียว
3. ใส่หมูสับ ตามด้วยเลือดหมู 
4. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
5. เตรียมใบตองฉีกกว้างขนาด 10 นิ้ว วางซ้อนกัน 4 ชั้น ใส่ส่วนผสมลงตรงกลางห่อ
6. จับปลายใบตองชิดกัน ม้วนพับใบตองลงให้แน่น พับหัวพับท้าย 
7. มัดด้วยตอกให้แน่น (ตอก คือไม้ไผ่ที่จักบางๆ เพื่อใช้ใช้ในการสานเครื่องใช้หรือผูกสิ่งของต่างๆ)
8. นึ่งในลังถึง ประมาณ 30 นาที

ไข่อุ๊บ


  วิธีการทำ  นำไข่ไก่ไปต้มให้สุกก่อน เครื่องปรุง ก็จะมี หอมแดง  พริกแห้ง  ถั่วเน่าแผ่น ( คนไทยใหญ่จะใช้ถั่วเน่าเเทนกะปิค่ะ) ขมิ้นผง  มะเขือเทศ   น้ำมันพืช  ผักชี  ขั้นเเรกก็ ย่างถั่วเน่าแผ่นให้เหลือง พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำร้อน หั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กๆ  นำถั่วเน่าแผ่นที่ย่าง หอมแดง พริกแห้งแกะเมล็ด มะเขือเทศหั่นและขมิ้นผงมาโขลกรวมกัน
    ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอน้ำมันร้อนได้ที่ นำเครื่องปรุงที่โขลกไว้ทั้งหมดลงผัดจนมีกลิ่นหอม คนให้เข้ากัน แล้วจึงนำไข่ที่ผ่าซีกจัดเรียงในกระทะ พลิกกลับไปมาจนเครื่องแกงเข้ากันดี รอจนน้ำแห้งตักใส่จานโรยผักชี ก็จะได่เมนูไข่อุ๊บที่อร่อย หอม น่าทาน เเละมีประโยชน์มากด้วยค่ะ 


ถั่วพูอุ่น


ถั่วพูอุ่น คือ ซุปข้นถั่วลูกไก่ ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวและยอดถั่วลันเตา เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทยใหญ่
ถั่วพูอุ่น อาหารชาวไทยใหญ่ มีที่ แม่ฮ่องสอน และที่ พม่า
นำเม็ดถั่วพูไปแช่น้ำไว้ก่อน 1 คืน นำมาบดให้ละเอียด เป็นซุปข้น ปรุงด้วยผงขมิ้น
เวลาทาน เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวลวก ยอดถั่วลันเตาลวด ตักซุปถั่วพูราด โรยหน้าด้วย ข้าวแรมฟืนทอด
แม่ค้าลวก ยอดถั่วลันเตาในหม้อถั่วพูอุ่น

จิ้นลุง



จิ้นลุง(เน่อลุ๊ง)สูตรจาก Ed Khanuengha
1.หมูบด ครึ่งกิโล
2.เม็ดผักชี 1 ชต.
3.ตะไคร้หั่นฝอย 1 ½ ชต.
4.หอมแดงสับ 1 ½ ชต.
5.กระเทียมปอกเปลือก1 ชต.
6.ผักชี 1 ชต.
7.พริกขี้หนูเขียว(หอมดี) 11 เม็ด
8.หมากสล่า 1 ชต.
9.ขมิ้มผง 1 ชช.
10.กะปิ 1 ชต.
11.เกลือ ½ ชช.
12.มะเขือเทศสีดาสับประมาณ 5ลูก
13..ผักชีฝรั่งหั่นฝอย 3-4 ชต.
14.น้ำมันพืช 3-4 ชต.
วิธีทำ
1. ตำเม็ดผักชีกับตะไคร้ ให้ละเอียดก่อน แล้วใส่ 4- 11 ตำรวมกัน
2. เอาแกงเครื่องที่ตำ มาผสมกับ หมูบด มะเขือเทศ ผักชีฝรั่ง นวดทั้งหมดให้เข้ากัน
3. ปั่นเป็นลูกกลมพอดีๆ วางเรียง บนกะทะ
4. เทน้ำมันพืชลงไปในกระทะ ตั้งไฟอ่อนๆ ปิดฝาด้วย ไม่ต้องคน
5. สักพักน้ำผักและหมูจะออกมาเองแล้วจะสุกทั่ว หมูเกาะกันแข็งเป็นก้อน
6. เปิดฝากลับก้อนหมู อีกด้าเบาๆ แล้วเปิดฝาตั้งไฟไว้จนน้ำแห้งเหลือแต่น้ำมัน
ปล.ถ้าต้องการชิม ต้มน้ำให้เดือด ปั่นลูกเล็กใส่ในน้ำร้อน พอลอยขี้นตักชิมว่ารสชาดขาดอะไรก็เติมตามชอบ

ข้าวส้ม



ข้าวส้ม...เมนูบ้าน ๆ อาหารเหนือ
วันนี้ มีอาหารพื้นถิ่นของทางภาคเหนือมาฝากกันครับ
แถมไม่ได้ลงมือปรุงเองอีกต่างหาก แบบว่า ลาภปาก บ้านเรือนเคียงกันท่านปันมาให้ชิม
"ข้าวส้ม"
...บ้านพี่ที่ลำพูนเรียกข้าวส้ม เป็นอาหารของทางเหนือ
อร่อย..ลองทานดู...เจ้าของเมนูท่านการันตีว่างั้น
.....แล้วปรุงยังไง ใส่อะไรบ้างครับพี่
ดูเหมือนข้าวผัดจัง...น่าทานๆ
อดยิงคำถาม ตามนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็น
เปิดประเด็นหาความรู้ แบบครูไม่ต้องพัก
ทักขอสูตรกันต่อหน้าดื้อๆเลยเชียว
ได้ความมาดังนี้ครับ.....
ขั้นตอน นำมะเขือเทศลูกเล็กๆ สับเป็นชิ้นๆ
จากนั้นนำมะเขือเทศสับใส่หม้อ ตั้งไฟ ใส่น้ำเล็กน้อย
เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนข้นเป็นน้ำซอส
คล้ายซอสมะเขือเทศ
เมื่อได้น้ำซอสมะเขือเทศเรียบร้อย
นำไปคลุกเคล้ากับข้าวสวยร้อนๆ
เท่านั้นเองครับวิธีการทำ "ข้าวส้ม"
ส่วนที่มาของชื่อ "ข้าวส้ม"
เพราะมะเขือเทศ ทางภาคเหนือ เรียกว่า มะเขือส้มครับ
เวลาจะรับประทาน ก็โรยกระเทียมเจียว ต้นหอม ผักชี
พร้อมพริกแห้งทอด ทานเคียงคู่กัน
รับประทานกับน้ำเงี้ยว หรือเหยาะน้ำปลาหน่อยรสชาติ
อร่อย อย่างที่ท่านเจ้าของการันตีไว้ครับ
จะว่าไปหน้าตาคล้ายๆกับ "ข้าวผัดมะเขือเทศ"
อาหารเช้าของชาวอินเดียทางตอนใต้ ชื่อ Tomato Rice
แต่ทว่า"ข้าวส้ม" ของไทยจานนี้
ปราศจากน้ำมัน เรื่องอ้วนจึงตัดไป
ไม่ต้องกังวลครับ ดีต่อสุขภาพร่างกายแน่นอนครับ